champ of champ
ดร.ณสพน โพธิ์วิจิตร
ผู้ก่อตั้ง บริษัท ซีซีไอ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และ บริษัท ดีท็อกซ์(ประเทศไทย) จำกัด
บริษัทฯมีความชำนาญทางด้านสมุนไพร มีนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นซึ่งมีผลงานตีพิมพ์ระดับนานาชาติ มากกว่า 500 เรื่อง มีผลงานลิขสิทธิ์ อีกกว่า 250 เรื่อง เน้นงานวิจัยทางด้านสมุนไพรแล้วนำมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ โดยอาศัยการสกัด และแยกสารสำคัญ ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ โดยอาศัยเครื่องมือ Spectophotometer และ HPLC (High Pressure Liquid Chromatography) มาตรวจวิเคราะห์ยืนยันยันสารสำคัญที่ใช้ และตรวจเชิงปริมาณเพื่อวิเคราะห์ปริมาณสารสำคัญที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ ซึงมีผลิตภัณฑ์อยู่ 3 รูปแบบคือ
1.เครื่องดื่มสมุนไพร
2.อาหารเสริมในรูป แคปซูล และ แกรนูล
3.เครื่องสำอาง
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางด้านชีวภาพ ทำให้สมุนไพรไทยมีความโดดเด่นเป็นที่ต้องการของนักวิจัยทางด้านเภสัชศาสตร์เพื่อจะนำมาพัฒนาให้เป็นตำรับยารักษาโรคต่างๆได้มากมาย
เป็นเรื่องที่น่าเสียดายโอกาสที่นักวิจัยเราขาดเอกภาพในการทำงานวิจัย และขาดการสนับสนุนทำให้เราขาดโอกาสที่จะชูประเด็นความโดดเด่นของสมุนไพร หากเปรียบเทียบกับประเทศเกาหลีเขาชูประเด็นเรื่องโสมจนทุกคนที่ไปเกาหลีต้องคิดถึงโสม ทั้งที่สมุนไพรของไทยมีประสิทธิภาพทางยาเหนือกว่าโสมมากมาย เช่น ขมิ้นชัน......
มีงานวิจัยเรื่องขมิ้นชันมากกว่า 8,000 เรื่อง และทุกงานวิจัยยอมรับประสิทธิภาพของสารสำคัญ Curcuminoids ในขมิ้นชัน ที่ใช้รักษาโรคได้อย่างมากมาย เช่นฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ,ต้านเชื้อแบคทีเรียและรา, ต้านการอักเสบ, ต้านการเพิ่มจำนวนของเซลล์, ยับยั้งการเสื่อมของเซลและลดคอเลสเตอรอลในเลือดนอกจากนี้ยังพบว่าถูกนำมาใช้ประโยชน์ทางยาในการรักษาโรคเกี่ยวกับระบบประสาท, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไข้ข้อ, โรคภูมิแพ้, โรคลำไส้อักเสบ, โรคไต,โรคเอดส์, โรคสะเก็ดเงิน, โรคเบาหวาน, โรคปลอกประสาทอักเสบ (โรคเอ็มเอส)และโรคปอด (Zhou และคณะ, Curr. Drug Targets. 12, 2011) และจากผลการศึกษาทั้งในหลอดทดลอง, ในสัตว์ทดลองและการศึกษาทางคลินิกในคน ได้แสดงถึงคุณสมบัติของเคอร์คูมินอยด์ในการรักษาโรคมะเร็ง (Anandและคณะ, Cancer Lett. 267, 2008)
แต่เมื่อนำมาใช้จริงกับผู้ป่วยกลับไม่เกิดผลตามต้องการ ทั้งนี้เป็นเพราะสารเคอร์คูมินอยด์ในขมิ้นชันละลายน้ำได้น้อยมากเพียง 0.0004 มก./มล. ที่ pH7.02 จึงทำให้สารดังกล่าวไม่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ นอกจากนี้สารดังกล่าวนี้ยังมีความคงตัวที่ต่ำอีกด้วย จึงทำให้สาระสำคัญสลายตัวก่อนที่จะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้
ทีมงานวิจัยบริษัทดีท็อกซ์(ประเทศไทย) จำกัดได้ใช้เวลา พัฒนามาตั้งแต่ปีพศ.2011 เพื่อทำให้สารเคอร์คูมินอยด์ ละลายน้ำได้ ในที่สุดบริษัทฯประสพความสำเร็จทำให้เกิดการละลายน้ำได้มากที่สุดในโลกคือละลายได้ถึง 6.4 มก./มล ซึ่งละลายได้มากกว่าสภาวะปรกติถึง 16,000 เท่า และเมื่อนำสารเคอร์คูมินอยด์ มาทำเป็นผลิตภัณฑ์ ก็สามารถเห็นผลได้อย่างรวดเร็วเช่นโรคกระเพาะอาหาร ,โรคกรดไหลย้อน ,โรคข้อเข่าอักเสบ เป็นต้น