YENGO
Last updated: 22 พ.ย. 2560 | 1845 จำนวนผู้เข้าชม |
โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) และโรคกระดูกบาง (Osteopenia) คือ โรคกระดูกชนิดหนึ่งที่กระดูกเริ่มเสื่อมและบางลงเนื่องจากการสูญเสียแคลเซียมที่สะสมในกระดูก ทำให้ความหนาแน่นและมวลของกระดูกลดน้อยลง ส่งผลให้กระดูกเสื่อม เปราะ บาง ผิดรูปและแตกหักได้ง่าย บางรายทำให้ส่วนสูงลดลงเพราะกระดูกผุกร่อน กระดูกจะไม่สามารถทำงานหรือเคลื่อนไหวได้ตามปกติ เช่น การทนรับน้ำหนัก แรงกระแทก หรือแรงกดได้น้อยลง เนื่องจากความเจ็บปวดจากรอยแตกร้าวภายใน ไปจนถึงการแตกหักของกระดูกส่วนสำคัญ ซึ่งอาจส่งผลทำให้พิการได้
ปัญหาที่เกิดจากโรคกระดูกพรุน
เมื่อเป็นโรคกระดูกพรุน กระดูกจะบาง หรือเสื่อมสภาพ ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ไม่สามารถทนรับแรงกดดันหรือน้ำหนักได้ กระดูกแตกหักได้ง่ายแม้ถูกกระทบกระเทือน หรือ ถูกกระแทกไม่รุนแรง ซึ่งหากกระดูกแตกหรือหักแล้วไปทำลายเนื้อเยื่อของอวัยวะรอบๆ กระดูกก็อาจส่งผลให้เกิดอันตรายและภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย เช่น กระดูกสันหลังซึ่งเป็นศูนย์กลางเส้นประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวเสื่อม บาง แตกร้าว หรือหัก จากภาวะกระดูกพรุนจะทำให้ผู้ป่วยพิการหรือเสียชีวิตได้ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของกระดูกและเส้นประสาทที่ได้รับอันตราย เป็นต้น
นอกจากนี้ โรคกระดูกพรุนยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะกระดูกหักหรือกระดูกสันหลังผิดรูปในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะสตรีสูงอายุ เนื่องจากเป็นวัยที่เขาสู่วัยหมดประจำเดือน ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen hormone)จะลดลง ทำให้กระดูกสลายตัวได้ง่ายขึ้น เป็นต้น
สาเหตุของโรคกระดูกพรุน
กระดูกประกอบไปด้วย โปรตีน คอลลาเจน และแคลเซียมในกระดูกประกอบด้วยโปรตีนหนึ่งในสามส่วน อีกสองในสามส่วนเป็นเกลือแร่ โปรตีนที่เป็นเนื้อกระดูกนี้ส่วนใหญ่เป็นคอลลาเจน ส่วนเกลือแร่ที่อยู่ในกระดูกคือแคลเซียม โดยมีเกลือแคลเซียมฟอสเฟตเป็นตัวทำให้กระดูกแข็งแรงและทนต่อแรงดึงรั้ง ดังนั้นการขาดแคลเซียมจึงเป็นสาเหตุทำให้กระดูกบาง ไม่หนาแน่น กระดูกจึงแตกหักได้ง่ายแม้จะถูกกระทบกระเทือนเพียงเล็กน้อยก็ตาม
กระดูกเป็นอวัยวะที่ไม่ได้อยู่นิ่ง แต่จะมีการสร้างและการสลายตัวอยู่ตลอดเวลาอย่างสมดุล โดยมีเซลล์ออสติโอบลาสต์ (Osteoblast) ทำหน้าที่พาเอาแร่ธาตุเข้ามา และมีเซลล์ออสติโอคลาสต์ (Osteoclast) ทำหน้าที่สลายเนื้อกระดูก กล่าวคือ ในขณะที่มีการสร้างกระดูกใหม่โดยใช้แคลเซียมจากอาหารที่รับประทานเข้าไป ก็จะมีการสลายแคลเซียมในเนื้อกระดูกเก่าออกมาสู่เลือดและถูกขับออกมาทางปัสสาวะและอุจจาระวันละประมาณ 600-700 มิลลิกรัม เพื่อให้เกิดความสมดุลเราจึงต้องได้รับแคลเซียมให้เพียงพอกับที่เสียไป มิฉะนั้นร่างกายจะดึงแคลเซียมจากกระดูกมาใช้ตลอดเวลา มีผลทำให้กระดูกถูกทำลายมากกว่าการสร้าง เนื้อกระดูกจึงบางลงในที่สุด
นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้กระดูกบาง เช่น ฮอร์โมนเพศ การขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนจากภาวะหมดประจำเดือนในผู้หญิง ทำให้เกิดอัตราเร่งของการสลายตัวของกระดูก รวมทั้งเกิดจากความเสื่อมตามอายุที่มีการสะสมอย่างค่อยเป็นค่อยไปและยาวนานของการเสียสมดุลระหว่างการสร้างและการสลายของกระดูกในผู้สูงอายุ และความผิดปกติของระบบอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบมาที่กระดูก เช่น ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน, ต่อมพาราไทรอยด์ทำงานเกิน, ต่อมหมวกไตทำงานน้อยผิดปกติ, โรคเนื้องอกของต่อมใต้สมอง, โรคเบาหวาน, โรคคุชชิง, มะเร็ง
ทำไมกระดูกจึงพรุน
กระดูก ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างหลักของร่างกาย เป็นที่ยึดเกาะของกล้ามเนื้อ รวมทั้งปกป้องอวัยวะที่สำคัญ นอกจากนี้กระดูกยังเป็นที่สะสมแคลเซียมที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย ซึ่งโดยปกติร่างกายได้รับแคลเซียมจากการรับประทานอาหาร แล้วนำไปเก็บสะสมที่กระดูก เมื่อร่างกายต้องการใช้แคลเซียมก็จะมีการดึงแคลเซียมออกจากกระดูก ซึ่งกลไกเหล่านี้จะมีความสัมพันธ์กับกระบวนการทำงานของเซลล์สร้างกระดูกที่เรียกว่า “ออสติโอบลาส”(Osteoblast) และเซลล์ทำลายกระดูก ที่เรียกว่า “ออสติโอคลาส”( Osteoclast) ซึ่งเซลล์ทั้ง 2 ชนิดจะต้องทำงานร่วมกันอย่างสมดุล
เมื่ออายุมากขึ้น เซลล์สร้างกระดูกจะทำงานได้น้อยลงในขณะที่เซลล์สลายกระดูกทำงานได้ตามปกติ กระดูกมีการถูกทำลายมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีสาเหตุต่างๆที่ทำให้เกิดภาวะเสียสมดุลย์ระหว่างเซลล์สร้างกระดูกและเซลล์ทำลายกระดูก ดังนี้
อาการของโรคกระดูกพรุน
เมื่อเป็นโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis ) มวลกระดูกของร่างกายจะลดลงต่ำกว่าค่ามวลกระดูกมาตรฐานตั้งแต่ -2.5 เอสดีขึ้นไป (SD – Standard deviation คือ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน) หรือในทางการแพทย์จะใช้เขียนเป็นตัวเลขตั้งแต่ -2.5 เอสดีขึ้นไป อาการของภาวะกระดูกพรุนจะยังไม่แสดงเด่นชัด จนกระทั่ง กระดูกจะเริ่มบางมากจนมีอาการแตกหักของกระดูกแล้วก็จะทำให้เกิดอาการเจ็บปวดหรือความผิดปกติของโครงสร้างกระดูก เช่น ปวดข้อมือ สะโพก หรือหลัง เนื่องจากกระดูกแตกหรือหัก
ผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุนจะมีความเสี่ยงต่อการมีกระดูกหักได้ง่ายแม้จะเกิดจากอุบัติเหตุที่ไม่รุนแรงหรือมีแรงกระแทกต่ำ เช่น กระดูกหักจากการเปลี่ยนท่า, กระดูกหักขณะก้มหยิบของหรือยกของหนัก, กระดูกซี่โครงหักเพียงแค่ไอหรือจามแรงๆ เป็นต้น
โรคกระดูกพรุนป้องกันได้ด้วยแคลเซียม Happy Cal
แคลเซี่ยมมีความสำคัญและจำเป็นต่อร่างกายสูงมาก โดยที่ร่างกายของคนเรา มีแคลเซียมร้อยละ 90 อยู่ในกระดูก แคลเซียมที่เหลือประมาณร้อยละ 10 จะอยู่ในเซลล์และเลือด โดยหน้าที่ของแคลเซียม คือ
จึงเห็นได้ว่าแคลเซียม มีความจำเป็นและเป็นสิ่งที่ร่างกายขาดไม่ได้ แต่เนื่องจาก ร่างกายจะสร้างแคลเซียมตั้งแต่เด็กจนถึงช่วงอายุประมาณ 30 ปี เท่านั้น หลังจากอายุ 30 ปี จะเริ่มมีการสลายแคลเซียมจากกระดูก ทำให้มวลกระดูกมีความหนาแน่นลดลง เมื่อประสบอุบัติเหตุจึงทำให้กระดูกหักและเปราะได้ง่าย จึงมีการแนะนำให้รับประทานแคลเซียมเพิ่มเมื่ออายุมากขึ้น แต่แคลเซียมที่เรารับประทานเข้าไปร่างกายดูดซึม นำไปใช้ประโยชน์ได้น้อย ด้วยเหตุผลต่อไปนี้
บริษัทดีท๊อกซ์ (ประเทศไทย) จำกัดจึงได้ทำการวิจัย และค้นคว้า พบว่าสารดังต่อไปนี้ ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมได้ดียิ่งขึ้น ได้แก่
สารสกัดจากถั่วเหลือง เช่น ไอโซฟลาโวน และ ซาโปนิน คุณประโยชน์ ช่วยฟื้นฟูไขข้อเสื่อม โรคกระดูกพรุน ผู้ป่วยรูมาตอยด์ ช่วยให้กระดูกต่อกันง่าย เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ผ่าตัดเกี่ยวกับกระดูก วัยรุ่นและนักกีฬาที่ต้องการเพิ่มส่วนสูงและความแกร่งของกระดูก เครื่องดื่มสมุนไพร
แฮปปี้ แคล Happy Cal Herbal Drink ส่วนประกอบสำคัญใน 1 ขวด (90 ml) ประกอบด้วย Active Ingredient ดังนี้
แฮปปี้ แคล Happy Cal Herbal Drink จึงเป็นตัวช่วยบรรเทาโรคกระดูก ข้อเสื่อม ลดการเสียดสีระหว่างข้อต่อและกระดูกอ่อนได้อย่างดี ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บปวดทรมาน และที่สำคัญรสชาติ ดีและอร่อย มากๆค่ะ
11 ธ.ค. 2561